เหรียญกลมรุ่นแรก พ่อปู่ศรีสุทโธ วัดศิริสุทโธ(คำชะโนด) ปี 2532 พิมพ์หน้าเล็กนิยม
|
|||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||
ส่งข้อความ
|
|||||||||||||||||
ชื่อร้านค้า
|
(กอล์ฟ + มน) พระเครื่อง | ||||||||||||||||
โดย
|
mon37 | ||||||||||||||||
ประเภทพระเครื่อง
|
พระเกจิทั่วไป | ||||||||||||||||
ชื่อพระ
|
เหรียญกลมรุ่นแรก พ่อปู่ศรีสุทโธ วัดศิริสุทโธ(คำชะโนด) ปี 2532 พิมพ์หน้าเล็กนิยม |
||||||||||||||||
รายละเอียด
|
เหรียญกลมรุ่นแรก พ่อปู่ศรีสุทโธ วัดศิริสุทโธ(คำชะโนด) ออกปี 2532 ปลุกเสกโดย หลวงปู่คำตา ศิริสุทฺโธ (ตำนานชายงามแห่งเมืองบาดาล) เหรียญกลมรุ่นแรกมีด้วยกันสองพิมพ์คือ พิมพ์หน้าเล็ก กับ หน้าใหญ่หลังสายฝน -ส่วนเนื้อหาทั้งสองพิมพ์จะเป็นเนื้อทองแดง มีทั้งรมดำกับไม่รมดำ (ไม่รมดำพบเจอน้อยมากๆครับ) ประวัติ หลวงปู่คำตา ประวัติของหลวงปู่คำตา สิริสุทโธ ท่านเกี่ยวข้องกับพญานาค โดยเป็นบุตรบุญธรรมของเจ้าปู่ศรีสุทโธหรือพญาศรีสุทโธ อมตะวิญญาณผู้ครองเมืองคำชะโนด ซึ่งเป็นเมืองพญานาค หลวงปู่คำตามรณภาพเมื่อ 15 สิงหาคม 2533 เมื่อหลวงปู่คำตาอายุได้ 17 -18 ปี ในวันทำบุญประเพณีเดือนหกของชาวบ้านวังทอง บ้านเกิดของท่านซึ่งอยู่ห่างจากป่าคำชะโนดไม่มากนัก ท่านกับเพื่อนของท่านพากันไปซักผ้าที่บ่อน้ำกลางดงคำชะโนด ไม่ได้ซักผ้าที่บ่อน้ำแต่ท่านเป็นคนตักน้ำให้เพื่อนซัก ขณะที่ท่านกำลังตักน้ำอยู่นั้นก็มองเห็นปลาไหลตัวใหญ่ขนาดกระป๋องนม ลักษณะตาแดงก่ำขนาดเท่าลูกปิงปองโผล่ขึ้นมาให้เห็น ท่านจึงเรียกเพื่อน ๆ ให้มาดู แต่ปลาไหลนั้นก็มุดน้ำลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้บ่อน้ำสั่นสะเทือนเป็นคลื่นใหญ่อย่างน่ากลัว หลวงปู่คำตา หรือนายคำตา ทองสีเหลือง ในขณะนั้นตกใจมากจึงรีบกลับเข้าหมู่บ้าน แล้วเล่าเรื่องให้ญาติพี่น้องฟังซึ่งทุกคนก็เห็นเป็นเรื่องแปลกและสั่งให้ ระวังตัว ต่อมาอีกสองเดือน วันหนึ่งเวลาประมาณบ่ายโมง มีฝนตกลงมาตามฤดูกาล ชาวบ้านจึงพากันออกไปยกยอปลาในลำห้วยใกล้ ๆ หมู่บ้าน นายคำตาก็ออกไปกับเขาด้วย ขณะที่ยกยออยู่นั้นปรากฏว่ามีปลามาเข้ายอของท่านมากผิดปกติ และก็เกิดสิ่งประหลาดขึ้นมาคือ รู้สึกว่ามีปลาตัวใหญ่เข้ามาอยู่ในยอ นายคำตาดีใจรีบยกยอขึ้น แต่เมื่อยอพ้นน้ำ แทนที่จะเป็นปลากลับกลายเป็นเต้าปูนที่ใช้ใส่ปูนกินกับหมาก พอนายคำตายื่นมือลงไปจะหยิบดู เต้าปูนนั้นก็ดิ้นไปมาเหมือนปลาและดิ้นกระโดดลงน้ำหายไป นายคำตาตกใจมาก รีบกลับเข้าไปในหมู่บ้านเล่าให้ญาติพี่น้องฟังอีก ต่อมาประมาณเดือน 9 ในเวลาพลบค่ำ ฝนได้ตกลงมาอย่างหนักนายคำตารู้สึกง่วงนอนจึงไม่ได้ไปร่วมวงรับประทานอาหาร เย็นกับครอบครัวตามปกติ แต่มุดเข้ามุ้งนอน พองีบหลับไปก็ฝันว่า มีสาวหลายคนมาชวนไปเที่ยวงานบุญประเพณี ทันใดนั้นเขาก็ลุกขึ้นจากที่นอนเปิดมุ้งออกมาแล้วเดินลงบันไดเรือนไปโดยไม่ รู้สึกตัว มุ่งหน้าฝ่าฝนจะไปยังลำห้วยที่เคยไปหาปลา ญาติพี่น้องเห็นท่าทางผิดปกติจึงรีบเดินตามแล้วฉุดลากตัวกลับมา แต่เขาก็ยังไม่รู้สึกตัว จะเรียกหรือทำอย่างไรก็ไม่ยอมฟื้นคืนสติขึ้นมา นายคำตาเล่าให้ฟังว่าขณะที่หลับไปหลายชั่วโมงนั้นมีสาว ๆ ชวนไปเที่ยวโดยได้นำเขาไปที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งซึ่งกำลังจัดพิธีแต่งงานอยู่ และตัวเขาก็คือเจ้าบ่าวที่จะเข้าพิธีแต่งงานนั้นกับเจ้าสาวสวยชาวบ้าน ขณะที่เขาจะเข้าพิธีบายศรีสู่ขวัญตามประเพณีก็ได้สติคืนมาพอดี เมื่ออายุ 20 ปี นายคำตาก็ได้บรรพชาอุปสมบทที่วัดบ้านวังทอง ซึ่งเป็นบ้านเกิด เรื่องผิดปกติต่าง ๆ ที่เคยเกิดขึ้นกับตัวเขาก็เงียบหายไป ไม่มีอะไรปรากฏขึ้นมารบกวนตลอดเวลาที่บวชเป็นภิกษุสงฆ์ 3 พรรษา ตอนที่บวชเป็นพระอยู่ชาวบ้านเรียกท่านว่า “อาจารย์” บวชอยู่ได้ 3 พรรษาก็สึกออกมาประกอบอาชีพอยู่ในหมู่บ้านวังทอง เหตุการณ์ประหลาดก็เกิดขึ้นกับท่านอีก กล่าวคือในเดือน 11 เวลากลางวันประมาณบ่ายสองโมง นายคำตาออกไปเกี่ยวข้าวในนาที่บ่อผักไหมซึ่งอยู่ห่างจากคำชะโนดประมาณ 200 เมตร เมื่อหยุดพักจากการเกี่ยวข้าวก็เดินไปที่ห้างนาหรือกระท่อมที่ปลูกไว้สำหรับ พักและเป็นที่นอนเฝ้านา พอเดินไปใกล้กระท่อมก็มองเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งกอดเข่าอยู่ในกระท่อมโดยหัน หลังให้ เมื่อเธอผู้นั้นเหลียวหน้ามาก็เห็นเป็นคนแปลกหน้าไม่เคยเห็นมาก่อนอายุราว ๆ 25 ปี นึกถึงเรื่องแปลก ๆ ที่เคยเกิดขึ้นกับตนในระยะก่อน ๆ ที่ผ่านมาทำให้รู้สึกกลัวขึ้นมาทันที แต่ก็พยายามสะกดกั้นความกลัวไว้ เอ่ยถามผู้หญิงคนนั้นไปว่า “นางมาจากไหน จะมาหาใคร” หญิงสาวยิ้มแล้วตอบว่า “มาตามหาอาจารย์คำตา เพราะเห็นพวกผู้หญิงเขาลือกันว่าเป็นผู้ชายสวยรูปหล่อ” ทิดคำตาถามต่อไปว่า “บ้านนางอยู่ที่ไหนละ” “อยู่ทุกหนทุกแห่งทั่ว ๆ ไป” ฝ่ายหญิงตอบ พอได้ฟังดังนี้ ความกลัวยิ่งเพิ่มขึ้น จึงรีบตอบโกหกไปว่า “ข้ารู้จักอาจารย์คำตาและสนิทสนมกันดี บ้านอยู่ใกล้กันด้วยจะขออาสาไปบอกเขานะ” แล้วทิดคำตาก็หาทางเลี่ยงไปโดยพูดว่า “ขอไปปัสสาวะสักประเดี๋ยว” กล่าวจบก็รีบเดินหนี กลับเข้าไปในนาแล้วเล่าให้พี่เขยฟัง พี่เขยและญาติ ๆ จึงรีบออกมาดูที่กระท่อมแต่ไม่พบหญิงคนนั้น เนื่องจากมีเรื่องผิดปกติเกิดขึ้นกับอาจารย์คำตาบ่อยครั้งพวกญาติพี่น้องจึง รู้สึกห่วงกลัวจะเกิดอันตรายจากสิ่งที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุอาจถึงชีวิตได้ จึงปรึกษาหารือกันเพื่อหาวิธีป้องกันและช่วยเหลือมิให้เป็นอันตราย ขั้นแรก ญาติพี่น้องตกลังกันให้เปลี่ยนชื่อเสีย เพื่อมิให้สิ่งประหลายนั้นจำได้ โดยเปลี่ยนจาก “คำตา” เป็น “สุภาพ” ให้ทุกคนเรียกชื่อใหม่อย่าเรียกชื่อเก่า ขั้นที่สอง จัดพิธีแต่งงานหลอก ๆ กับญาติผู้หญิงชื่อนางสาวทองคำ สองพาลี ขั้นที่สาม แต่งงานแล้วก็ย้ายหนีออกจากบ้านวังทองไปอยู่วัดบ้านหนองกา โดยไปขออาศัยอยู่กับท่านพระครูคำ หรือพระครูสุภารโสภณเป็นเวลา 7 วัน แล้วจึงย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านวังทองตามเดิม เท่า นั้นยังไม่ไว้วางใจ ต่อมาอีกสองเดือนญาติพี่น้องได้ไปสู่ขอสาวบ้านเดียวกัน จัดพิธีแต่งงานจริง ๆ อีกครั้งหนึ่ง ชีวิตการครองเรือนของอาจารย์คำตาหรืออาจารย์สุภาพ ดำเนินไปอย่างมีความสุข จนกระทั่งภรรยาตั้งท้องและคลอดลูกชายคนแรกออกมาหลังจากนั้นอีกไม่นานก็มี สิ่งผิดปกติเกิดขึ้นอีก บวชครั้งที่ 2 พอถึงกำหนดวันขึ้น 12 ค่ำ บรรดาลูกหลานและญาติพี่น้องก็ได้นำอาจารย์คำตาไปมอบนาคที่วัดบ้านวังทอง และเข้าสู่พิธีบรรพชา อุปสมบทในวันขึ้น 15 ค่ำ มีประชาชนจากบ้านใกล้ไกลมาร่วมพิธี และร่วมกันถวายปัจจัยเป็นอย่างมาก ถือได้ว่าเป็นงานบวชที่ยิ่งใหญ่ไม่เคยปรากฏมาก่อน อาจารย์คำตาบวชครั้งนี้เมื่ออายุมากแล้ว บรรดาญาติโยมจึงเรียกท่านว่า หลวงปู่คำตา มาจนมรณภาพ หลวงปู่คำตามีสมญาทางพระว่า “สิริสุทโธ” พระจะไม่ใช้นามสกุลเดิม แต่จะเรียกนามสกุลสมญาต่อท้ายชื่อจึงต้องเรียกท่านว่า “หลวงปู่คำตา สิริสุทโธ” หลวงปู่คำตา ได้เล่าให้ญาติโยมที่ไปหาท่านฟังเสมอว่าเมื่อท่านเข้ามาบวชอยู่ในบวรพระพุทธ ศาสนาแล้ว ท่านก็ฝันถึงเจ้าปู่ศรีสุทโธอยู่เสมอ เจ้าปู่ได้บอกกับท่านว่าหลวงปู่ได้มาคอยดูแลและปกป้องรักษาความปลอดภัย อันตรายให้ตลอดเวลาโดยเฉพาะกุฏิที่หลวงปู่คำตาพักอยู่เป็นประจำนั้น ท่านได้จัดที่นั่งที่นอนสำหรับเจ้าปู่ศรีสุทโธไว้เป็นพิเศษ หลวงปู่คำตากล่าวว่า คืนหนึ่งในระหว่างกลางพรรษาปี พ.ศ. 2530 ได้ฝันไปว่าเจ้าปู่ศรีสุทโธมาที่กุฏิแล้วบอกว่า พ่อจะพ่นพิษใส่ตัวลูกเพื่อให้เกิดความขลังในตัวลูก (เจ้าปู่ศรีสุทโธเรียกหลวงปู่คำตาว่าลูก) พูดแล้วก็พ่นพิษออกมาเป็นน้ำเปียกทั่วตัว เมื่อสะดุ้งตื่นขึ้นรีบลูบคลำตามร่างกายคิดว่าร่างจะเปียกน้ำเหมือนในฝันแต่ ก็แห้งเป็นปกติดีทุกอย่าง ท่านเล่าต่อไปว่าคาถาอาคมที่ท่านให้ผูกข้อมือและประพรมน้ำมนต์ให้ญาติโยม นั้นได้มาจากเจ้าปู่ศรีสุทโธซึ่งมาบอกในฝัน ท่านยอมรับว่าเดิมนั้นสมองไม่ค่อยดีจำอะไรไม่ค่อยได้ ครั้งพอกลับมาบวชอีกครั้งรู้สึกว่าความจำดีมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อเจ้าปู่บอกหรือสอนคาถาอาคมอะไรให้ก็จะจดจำได้แม่นยำเป็นพิเศษ หลวงปู่คำตาได้เล่าอีกว่าในระหว่างพรรษาเดียวกันนี้ ท่านได้ฝันไปอีกว่า เจ้าปู่ศรีสุทโธได้มาเข้าฝันบอกว่า ต่อไปนี้พ่อจะมอบทรัยพ์สมบัติทั้งหมดในเมืองคำชะโนดให้ลูกดูแลและปกครองคน ทั้งหมดในเมืองนี้ แล้วเจ้าปู่ได้นำหลวงปู่คำตาเข้าไปในเมืองคำชะโนดไปดูแลทรัพย์สินที่มีทั้ง หมดในเมืองคำชะโนด เสร็จแล้วพาขึ้นไปบนศาลาหลังใหญ่ ซึ่งมีคนนั่งรออยู่เป็นจำนวนมากประกาศให้ทุกคนได้ทราบว่า “นี่คือลูกชายของเจ้าปู่ ต่อไปนี้ทรัพย์สินและการปกครองทั้งหมดในเมืองคำชะโนดนี้จะยกมอบให้ลูกชาย ขอให้ทุกคนเชื่อฟังคำสั่ง และอยู่ในความปกครองของลูกชายตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป” เจ้าปู่ศรีสุทโธได้ให้ความรักความเมตตาหลวงปู่คำตา เพราะท่านเป็นคนดีจึงได้รับความไว้วางใจยินดีให้เป็นบุตรบุญธรรม แม้จะอยู่กันคนละภพแต่เจ้าปู่ศรีสุทโธก็เป็นอมตะวิญญาณที่เป็นเจ้าเมืองพญา นาคอยู่ใต้บาดาล ซึ่งเชื่อกันว่าป่าคำชะโนดแห่งนี้คงเป็นที่ตั้งของบ้านเมืองในอดีต จึงมีสรรพวิญญาณอาศัยอยู่กันมากมาย เมื่อหลวงปู่คำตาบวชและพำนักอยู่วัดวังทองได้ระยะหนึ่งก็ย้ายมาตั้งสำนัก สงฆ์เพื่อปฏิบัติธรรมที่ใกล้ ๆ ป่าคำชะโนดโดยใช้ชื่อสำนักสงฆ์ของท่านว่า “สำนักสงฆ์สิริสุทโธ” ท่านได้พัฒนาบุกเบิกตั้งแต่บริเวณนี้เป็นป่าดงดิบจนมีความเจริญได้ตั้งเป็น วัดชื่อ “วัดศิริสุทโธคำชะโนด” มาจนถึงปัจจุบันนี้ ในปี พ.ศ. 2533 เดือน ขึ้น 8 ค่ำ เวลาประมาณสองทุ่มเศษพระเณรที่อยู่ในวัดศิริสุทโธคำชะโนด ได้ยินเสียงต้นไม้ขนาดใหญ่ต้นหนึ่งหักโค่นลงมาเสียงดังสนั่นหวั่นไหว เสียงดังมาจากป่าคำชะโนดซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัด ตื่นเช้าวันใหม่พระเณรพากันเข้าไปดูในดงคำชะโนดยังจุดที่ได้ยินเสียงแต่ไม่ พบอะไรผิดปกติ ไม่มีต้นไม้หักโค่น เข้าไปดูถึงสามครั้งจนแน่ใจ ต่อมาอีก 7 วัน คือเดือน 6 ขึ้น 15 ค่ำ เป็นวันทำบุญประเพณีบุญบั้งไฟซึ่งชาวบ้านนำเอาบั้งไฟมาทำพิธีฉลองและจุดถวาย เจ้าปู่ศรีสุทโธเป็นประจำทุกปี นับตั้งแต่นั้นมาหลวงปู่คำตาก็ไม่เบิกบานเหมือนปกติทุกวัน ท่านจะจำวัดตั้งแต่หัวค่ำ แม้จะมีญาติโยมมาขอคุยด้วยท่านก็ไม่ต้อนรับใครเลย ระยะต่อมาร่างกายของหลวงปู่คำตาก็ทรุดโทรมลงโดยลำดับ แม้จะฉันยาอะไรอาการอาพาธก็ไม่ทุเลา อาหารก็ไม่สนใจฉัน จนกระทั่งถึงเดือน 8 ขึ้น 8 ค่ำ ตรงกับวันที่ 15 สิงหาคม 2533 หลวงปู่คำตา สิริสุทโธ ก็ถึงมรณภาพเมื่อเวลา 03:05 น. ยังความเศร้าโศรกเสียใจให้แต่ญาติโยมเป็นยิ่งนัก เมื้อสิ้นหลวงปู่คำตา สิริสุทโธ แล้ว หลวงปู่จอม ยันตะสีโล รับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดศิริสุทโธคำชะโนดสืบต่อมา มรณภาพไปแล้ววิญญาณของหลวงปู่คำตาก็ยังมาเข้าฝันหลวงปู่จอมบ้าง ญาติโยมชาวบ้านบ้าง เหมือนท่านยังห่วงใยทุกคนอยู่ไม่เสื่อมคลาย บางครั้งหลวงปู่คำตาก็นิมิตให้หลวงปู่จอมเห็นบัลลังก์ที่เจ้าปู่ศรีสุทโธได้ สร้างไว้ให้หลวงปู่คำตา พร้อมกับถามว่าบัลลังก์ของท่านสวยไหม หลวงปู่จอมก็ตอบไปว่าสวยดีและแสดงความชื่นชมยินดีกับท่านด้วย บัลลังก์นั้นมีรูปร่างลักษณะเหมือนกับธรรมาสน์พระแต่ใหญ่มาก ในนิมิตหลวงปู่คำตายังได้ชักชวนหลวงปู่จอมว่า บัลลังก์สร้างเสร็จแล้วจะพาหลวงปู่จอมลงไปดู แต่หลวงปู่จอมตอบท่านไปว่า เพียงมานิมิตให้เห็นก็พอใจและภูมิใจแล้วอย่าต้องลำบากพาท่านไปดูเลย หลวงปู่จอม ยันตสีโล เป็นผู้ใกล้ชิดกับหลวงปู่คำตา สิริสุทโธ มาตลอด ทั้งได้ร่วมกันสร้างสำนักสงฆ์จนกลายมาเป็นวัดศิริสุทโธคำชะโนดด้วย มีระยะหนึ่งหลวงปู่จอมได้ออกจากวัดศิริสุทโธคำชะโนดไปอยู่ที่อำเภอบ้านดุ งเป็นเวลา 9 เดือน เจ้าปู่ศรีสุทโธไปเข้าฝันท่านว่าให้ท่านกลับไปอยู่ที่วัดศิริสุทโธคำชะโน ดเหมือนเดิมเพราะได้ร่วมสร้างวัดมา ท่านให้มาดูแลวัดนี้จนกว่าชีวิตจะหาไม่ ให้ดูแลพระเณรที่อยู่ในวัดศิริสุทโธด้วย ในที่สุดหลวงปู่จอมก็ตัดสินใจกลับมาอยู่ที่วัดศิริสุทโธคำชะโนดกับหลวงปู่คำ ตาตามเดิม เจ้าปู่ศรีสุทโธบอกหลวงปู่จอมในนิมิตว่า ถ้ากลับไปอยู่วัดศิริสุทโธ เจ้าปู่จะมาเอาหลวงปู่คำตาไปอยู่แทนท่านเจ้าปู่ที่เมืองใต้บาดาล แล้วจะมอบเมืองให้ทั้งจะให้หลวงปู่คำตาเป็นลูกชายด้วย หลวงปู่จอมกลับมาอยู่วัดศิริสุทโธคำชะโนด เมื่อเดือน 4 ขึ้น 14 ค่ำ ต่อมาในเดือน 5 แรม 12 ค่ำ หลวงปู่คำตาได้นิมิตถึงเจ้าปู่ศรีสุทโธ เจ้าปู่บอกในนิมิตว่า “ลูกเอ๋ยฟังพ่อ พ่อจะบอกลูกอีกเป็นครั้งสุดท้าย ถึงเวลาแล้วที่พ่อจะมาเอาลูกไปอยู่แทนบัลลังก์ที่เมืองบาดาลและจะมอบเมือง ให้ครอบครองแทน” ซึ่งหลวงปู่คำตาก็ตอบรับไม่ขัดข้องอีก จากนั้นเจ้าปู่ก็ลงไปเมืองใต้บาดาลตามเดิม ต่อมาถึงเดือน 8 ขึ้น 8 ค่ำ ตรงกับวันที่ 15 สิงหาคม 2533 หลวงปู่คำตา สิริสุทโธ ก็มรณภาพ |
||||||||||||||||
ราคา
|
- | ||||||||||||||||
เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ
|
090-3569057 | ||||||||||||||||
ID LINE
|
Golf (ID LINE:Golf6), (มน ID:090-3569057) | ||||||||||||||||
จำนวนการเข้าชม
|
5,549 ครั้ง | ||||||||||||||||
บัญชีธนาคารที่ใช้ยืนยันตัวตน
|
ธนาคารกรุงเทพ / 125-4-59948-1
|
||||||||||||||||
|